ผู้แต่งและประวัติผู้แต่ง
เจ้าพระยาพระคลัง(หน)

เจ้าพระยาพระคลัง
(หน) เป็นกวีเอกคนหนึ่งในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ มีนามเดิมว่า หน
เกิดเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด น่าจะอยู่ในช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา
และถึงแก่อสัญกรรม ในสมัยรัชกาลที่ ๑ พ.ศ. ๒๓๔๘ ผลงานด้านวรรณคดีที่ท่านได้แต่งไว้หลายเรื่องด้วยกัน
เจ้าพระยาพระคลัง
เป็นบุตรเจ้าพระยาบดินทร์สุรินทร์ฦๅชัย (บุญมี) กับท่านผู้หญิงเจริญ
มีบุตรธิดาหลายคน ที่มีชื่อเสียงคือ เจ้าจอมพุ่ม ในรัชกาลที่ ๒ เจ้าจอมมารดานิ่ม
พระมารดาสมเด็จฯ กรมพระยาเดชาดิศร (มั่ง) ในรัชกาลที่ ๒ นายเกต และนายพัด
ซึ่งเป็นกวีและครูพิณพาทย์ เป็นต้นสกุล บุญ-หลง
ที่มาของเรื่อง
มาจากร่ายยาวมหาเวสสนดรชาดก ซึ่งเป็นชาดกเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สด โดยกล่าวถึงเรื่องราว
ของพระโพธิสัตว์ซึ่งเสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร เดิมแต่งเป็นภาษาบาลี ต่อมามีการแปลเป็นภาษาไทยในสมัยกรุงุสโขไทย
ต่อมาในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
โปรดเกล้าฯใหปราชญราชบัณฑิตแต่งมหาชาติคำหลวง ซึ่งเป็นมหาชาติสำนวนแรก โดยมจุดประสงค์เพื่อใช้สวด
ในสมัยพระเจ้าทรงธรรม
โปรดเกล้าให้แต่งกาพย์มหาชาติ เพื่อใช้สำหรับเทศน์ แต่เนื้อความในกาพย์มหาชาติค่อนข้างยาว
ไมสามารถเทศน์ให้จบภายใน ๑ วัน จึงเกิดมหาชาติขึ้นให้มีอีกหลายสำนวน เพื่อให้เทศน์จบภายใน
๑ วัน มหาชาติสำนวนใหม่นี้เรียกวา มหาชาติกลอนเทศน์ หรือ ร่ายยาวมหาเวสสนดรชาดก
เรื่องย่อ
พระนาง
มัทรีเสด็จออกจากอาศรม เพื่อไปหาผลไม้อันเป็นกิจวัตรทุกวันด้วยพระทัยที่หมาดหมั่นเมื่อพระนาง
มัทรีกลับจากการหาผลไม้ระหว่างทางมีเทวดาเนรมิตรแปลงกายเป็นราชสีห์และเสือโคร่งขวางทางไว้และเมื่อกลับมาถึงไม่เห็นสองกุมารก็แปลกพระทัยจึงทูลถามพระเวสสันดร
และออกตามหาสองกุมมารทั้งคืนแต่ไม่พบ เมื่อนางกลับมาถึงพระเวสสันดรจึงบอกความจริงว่าได้ยกลูกให้กับชูชกไปแล้วนางเสียใจอย่างมาก
แต่พระนางมัทรีจึงทรงอนุโมทนาต่อบุตรทานครั้งนี้
อานิสงค์ของทานครั้งนี้
เมื่อเกิดในโลกหน้าจะเป็นผู้มั่งคั่งสมบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สมบัติ มีอายุยืน
รูปโฉมงามและมีแต่ความสุข
จุดประสงค์การแต่ง
เพื่อใช้เทศน์ให้ประชาชนฟัง
มหาเสสันดรชาดก
แต่งขึ้นเพื่อใช้เทศน์มหาชาติ เนื่องจากร่ายยาวหมาเสสันดรชาดกเป็นชาดกเรื่องใหญ่ที่สุด
เป็นชาติที่พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเสสันดรซึ่งเป็นพระชาติสุดท้ายก่อนจะประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ
แล้วเสด็จออกผนวชกระทั่งได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเรื่องราวในพระชาติที่เป็นพระเวสสันดรได้ทรงบำเพ็ญทศบารมี ครบทั้ง ๑๐
ประการ โดนเฉพาะอย่างยิ่ง ทานบารมี ซึ่งทรงบริจาคบุตรทารทาน คือ บริจาคพระชาลี พระกัณหา และพระนางมัทรี จึงเป็นชาติที่สำคัญและยิ่งใหญ่
เรียกว่า “มหาชาติ” หรือ “มหาเสสันดรชาดก”
วิเคราะห์วิจารณ์องค์ประกอบของงานประพันธ์
๑. ลักษณะคำประพันธ์
แต่งเป็นร่ายยาว มีพระคาถาภาษาบาลีนำ
และพรรณนาเนื้อความโดยมีพระคาถาสลับเป็นตอน ๆ ไปจนจบกัณฑ์ คำประพันธ์ประเภทร่ายยาว
หนึ่งบทจะมีกี่วรรคก็ได้ แต่ส่วนมากมี ๕
วรรคขึ้นไป วรรคหนึ่ง ๆ มีตั้งแต่ ๖ คำขึ้นไป
ถึง ๑๐ คำหรือมากกว่า มีบังคับเฉพาะระหว่างวรรค
คือ คำสุดท้ายของวรรคจะส่งสัมผัสไปที่คำที่ ๑ ถึง ๕ ของวรรคต่อไป เมื่อจบตอนมักมีคำสร้อย เช่น “นั้นแล”
“นี้แล”ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก
เป็นร่ายยาวสำหรับเทศน์ จะมีคำศัพท์บาลีขึ้นก่อน
แล้วแปลเป็นภาษาไทย แล้วจึงมีร่ายตาม
ในระหว่างการดำเนินเรื่องจะมีคำบาลีคั่นเป็นระยะ ๆ คำบาลีนั้นมีความหมายเกี่ยวเนื่องกับข้อความที่ตามมา
๒. องค์ประกอบของเรื่อง
๑) โครงเรื่อง
โครงเรื่องของร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกเป็นโครงเรื่องที่มีความขัดแย้งที่ค่อนข้างรุนแรง
แต่ในความขัดแย้งก็ยังเสนอความเป็นเหตุเป็นผลของความขัดแย้งนั้น ๆ
๒) ตัวละคร
- พระเวสสันดร เป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก มีชื่อเรียกต่างๆกัน เช่น หน่อพระชินศรีโมลีโลก สมเด็จพระบรมนราพิสุทธิ์พุทธางกูร เป็นต้น เป็นพระโอรสของพระเจ้ากรุงสญชัยและพระนางผุสดีแห่งเมืองสีพี
มีอุปนิสัยและพฤติกรรมที่สำคัญคือ การบริจาคทาน
- พระนางมัทรี
เป็นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกมีชื่อเรียกต่างๆกัน
เช่น พระสุณิสาศรีสะใภ้ นางแก้วกัลยาณี เป็นต้น และเป็นพระมารดาของ กันหา ชาลี
มีอุปนิสัยที่สำคัญคือ รักลูกรักสามี คอยดูแลพระเวสสันดรและลูก
- พระชาลี เป็นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกมีชื่อเรียกต่างๆ
เช่น พ่อสายใจ พ่อหน่อน้อยภาคีไนยนาถ เป็นต้น เป็นพระเชษฐาของพระกัณหา เมื่อเวลาประสูติพระประยูรญาติได้ทรงนำตาข่ายทองมารองรับ จึงได้รับพระราชทานนามว่า ชาลี แปลว่าผู้มีตาข่าย
- พระกัณหา
หรือ กัณหาชินา เป็นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกเป็นพระธิดาของพระเวสสันดรและพระนางมัทรี
เป็นพระนัดดาของพระเจ้ากรุงสญชัยและพระนางผุสดี และเป็นพระกนิษฐาของพระชาลี พระกัณหาเป็นผู้หนึ่งที่ทำให้พระเวสสันดรได้บำเพ็ญบุตรทานบารมีซึ่งเป็นทานอันยิ่งใหญ่ที่มนุษย์ทั้งหลายไม่สามารถทำได้นอกจากมหาบุรุษผู้ทรงหวังพระโพธิญาณเท่านั้น
- ท้าวสักกเทวราช
เป็นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก
เป็นพระราชสวามีของพระนางผุสดีขณะสถิตอยู่
ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีนามเรียกต่างๆ เช่น
โกสีย์ อมรินทร์ เป็นต้น ท้าวสักกเทวราชหรือพระอินทร์เป็นตัวละครที่เป็นตัวเชื่อมเหตุการณ์ต่างๆภายในเรื่องให้เนื้อหามีความต่อเนื่องกัน
คอยช่วยแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี
และยังเป็นผู้ดลบันดาลให้ตัวละครต่างๆได้มาพบกันด้วย
- พระนางผุสดี เป็นตัวละครอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก
เดิมเป็นพระราชธิดาของพระเจ้าพันธุมราช ชื่อสุธัมมา ต่อมาได้บังเกิดเป็นอัครมเหสีของสมเด็จพระอมรินทราธิราชชื่อผุสดี
เมื่อจุติจากสวรรค์ได้ถือกำเนิดเป็นพระราชธิดาของพระเจ้ามัททราช
ครั้นเจริญวัยก็ได้อภิเษกเป็นอัครมเหสีของพระเจ้ากรุงสญชัยและเป็นพระมารดาของพระเวสสันดร
พระนางผุสดีมีอุปนิสัยรักสวยรักงามเช่นในพรที่ขอจากพระอินทร์ส่วนมากก็จะยึดติดกับรูปกายภายนอก
เช่น ขอให้ดวงเนตรทั้งสองมีสีดำประดุจดวงตาลูกเนื้อทราย ส่วนในข้อที่แสดงว่าพระนางเป็นผู้มีความเมตตากรุณาก็คือ
ได้ขอพระราชทานพรให้ทรงมีอำนาจปลดปล่อยนักโทษประหารชีวิตให้พ้นโทษและในข้อที่แสดงความยึดมั่นในตำแหน่งฐานะก็คือขอให้ได้ประทับในปราสาทพระเจ้าสีวีราช
- พระเจ้ากรุงสญชัย
เป็นตัวละครอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกมีชื่อเรียกต่างๆกันเช่น
สมเด็จพระบรมกษัตริย์ พระปิ่นเกล้ามกุฎพิภพสีพี เป็นต้น พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่เห็นแก่ประโยชน์ของบ้านเมืองมากกว่าประโยชน์ส่วนพระองค์เอง
ทรงเนรเทศพระเวสสันดรออกจากเมืองพร้อมด้วยพระนางมัทรี พระชาลี และพระกัณหา เมื่อชาวเมืองมาร้องทุกข์ว่าพระโอรสทรงกระทำผิดแม้พระมเหสีจะทูลขอร้องประการใดก็มิได้คืนคำทั้งที่ทรงอาลัยรักในพระโอรสแต่ก็ทรงหักพระทัยได้
เพื่อประโยชน์สุขของบ้านเมืองและยังได้ทรงไถ่ตัวพระชาลีและพระกัณหาคืนจากชูชกด้วย
- ชูชก
เป็นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกเป็นผู้เกิดในตระกูลพราหมณ์โภวาทิกชาติซึ่งเป็นพราหมณ์พวกที่ถือตนว่ามีกำเนิดสูงกว่าผู้อื่นมักใช้คำว่า
“โภ”แปลว่า “ผู้เจริญ” เป็นคำร้องเรียก แม้ชูชกจะเกิดในตระกูลพราหมณ์ที่ถือตนว่ามีกำเนิดสูงกว่าผู้อื่นแต่ชูชกก็ยากจนเข็ญใจยิ่ง
ต้องเที่ยวขอทานเขาเลี้ยงชีพ มีรูปร่างหน้าตาน่าเกลียดประกอบด้วยบุรุษโทษ ๑๘ประการ
ลักษณะนิสัยของชูชกคือ มีความตระหนี่เหนียวแน่น ขอทานได้มากเท่าไรก็เก็บไว้ไม่ยอมนำไปใช้จ่าย
มีความโลภ รักและหลงเมีย ยอมให้นางทุกอย่าง เป็นคนฉลาด มีเล่ห์เหลี่ยมมาก ฉลาดทั้งในด้านการพูดและกลอุบาย
มีความละเอียดรอบคอบและมีความยึดมั่นในพิธีทางไสยศาสตร์
๓)
ฉาก
ในเรื่องมหาเวสสันดรชาดก
กัณฑ์มัทรี มีการกล่าวถึงฉากต่าง ๆ เช่น ฉากในป่า ฉากในเขาวงกต
ซึ่งมีการใช้ภาพพจน์ต่าง ๆ มาประกอบเพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพได้ง่ายยิ่งขึ้น
๔)
กลวิธีการแต่ง
เป็นการแต่งที่นักเขียนเป็นผู้เล่าสลับกับตัวละครเล่าเป็นบางส่วน
๕)
การใช้ภาษา
- การเลือกเสียงของคำ มีการเลียนเสียงธรรมชาติ
เช่น
ได้ยินเสียงผีป่าโป่งโป้งเปิ่งกู่ก้องร้องกระหึ่ม ผีผิวพึมฟังขนพอง
เสียงชะนีร้องอยู่โหวยโวยโว่ยวิเวกวะหวามอก พราหมณ์ก็หยุดยืนตื่นตกตะลึงนึก
-
มีการเปรียบเทียบแบบอุปลักษณ์ ดังคำประพันธ์ที่ว่า
“โอ้เจ้าดวงสุริยันจันทราทั้งคู่ของแม่เอ่ย
แม่ไม่รู้เลยว่าเจ้าจะหนีพระมารดาไปสู่พาราใดไม่รู้ที”
-
การใช้ลีลาจังหวะ เสียงหนักเบา เช่นในบทโกรธ
- การเลือกความหมายของคำให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องและลักษณะของร้อยกรอง
- การเล่นคำ การซ้ำคำ
การเล่นอักษร การเล่นเสียง
- มีรสทางวรรณคดีที่ปรากฏ คือ
เสาวรจนี ปรากฏเพียงเล็กน้อย
นารีปราโมทย์ไม่ปรากฏในเรื่องเพราะไม่มีบทเกี้ยวพาราศี พิโรจวาทัง
พบมากเพราะมีการใช้อารมณ์และความโกรธอยู่บ่อยครั้ง และสัลลาปังคพิไสย
พบมากในบทของพระนางมัทรีที่คร่ำครวญหาลูก
วิเคราะห์คุณค่าจากเรื่อง
๑.คุณค่าด้านวรรณศิลป์
๑.๑ ใช้ถ้อยคำไพเราะ มีการเล่นคำ เล่นสัมผัสอักษร
มีการใช้โวหารภาพพจน์ และการพรรณนาให้เกิดความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน
รวมทั้งเกิดจินตภาพชัดเจน
๑.๒ เนื้อหาของกัณฑ์มัทรีแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติกับอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครได้อย่างชัดเจน
จะเห็นได้จากตอนที่เกิดเรื่องร้ายแก่พระนางมัทรีขณะที่หาพลาหารอยู่ในป่า
๒.คุณค่าทางด้านเนื้อหา
มีการสอดแทรกเนื้อหาที่มีความสนุกสนานและแฝงไปด้วยข้อคิดและหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
๓.คุณค่าด้านสังคม
๓.๑ สะท้อนให้เห็นค่านิยมแนวโลกุตตรธรรมของประชาชนว่า
มีความปรารถนาจะบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ
๓.๒ เรื่องพระมหาเวสสันดรชาดก
เป็นวรรณกรรมที่เกิดขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
จึงเป็นภาพสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียม และค่านิยมของคนในยุคนั้น ๆ ได้ดีว่า
มีการซื้อขายบุคคลเป็นทาส นิยมการบริจาคทานเพื่อหวังบรรลุนิพพาน
มีความเชื่อเรื่องลางบอกเหตุ เชื่อเรื่องอำนาจของเทพยดาฟ้าดินต่าง ๆ นอกจากนี้
ยังแสดงภาพชีวิตในชนบทเกี่ยวกับการละเล่นและการเล่นซ่อนหาของเด็ก ๆ
๓.๓ ให้แง่คิดเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของผู้หญิงในฐานะที่เป็นแม่และเป็นภรรยาที่ดี
ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
๓.๔ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี
สะท้อนแนวคิดสำคัญเกี่ยวกับความรักของแม่ที่มีต่อลูกอย่างสุดชีวิต
๓.๕ ข้อคิด คติธรรม ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันของทุกคนได้
เกี่ยวกับการเป็นคู่สามีภรรยาที่ดี การเสียสละ เป็นคุณธรรมที่น่ายกย่อง
และการบริจาคทาน เป็นการกระทาที่สมควรได้รับการอนุโมทนา
เอกสารอ้างอิง
http://www.mwit.ac.th
, ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๖.
https://sites.google.com/site/kanipa031/home,
๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๖.
https://sites.google.com/site/kanipa031/prawati-phu-taeng,
๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๖.
https://sites.google.com/site/kanipa031/thima-khxng-reuxng,
๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๖.
https://sites.google.com/site/kanipa031/cud-prasngkh-ni-kar-taeng-laea-thima-khxng-
reuxng, ๒๒ มิถุนายน
๒๕๕๖.
https://sites.google.com/site/kanipa031/laksna-kha-praphanth,
๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๖.
https://sites.google.com/site/kanipa031/neux-reuxng,
๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๖.
https://sites.google.com/site/kanipa031/neux-reuxng-yx,
๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๖.
https://sites.google.com/site/kanipa031/khunkha-thi-di-cak-reuxng,
๒๒ มิถุนายน
๒๕๕๖.
https://sites.google.com/site/kanipa031/khwam-ru-pheim-teim,
๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๖.